ปี 2014 ในบอร์โดซ์เป็นปีที่ฝั่งซ้ายของแม่นํ้ามีความโดดเด่น แม้ไร่องุ่นหลายแห่งทางฝั่งขวาจะประสบความสำเร็จอยู่บ้างก็ตาม ผมใช้เวลาเกือบสองสัปดาห์ในบอร์โดซ์เพื่อชิมกว่า 700 ไวน์และเยี่ยมชมไร่องุ่นเกือบ 50 แห่ง ผมพบปะกับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายไวน์จำนวนไม่ตํ่ากว่าสิบราย (ดูไวน์ที่ผมชิมกว่า 700 รายการในช่วงการชิมไวน์ “en primeur” ตามระดับคะแนนที่นี่ และตามชื่อไวน์ที่นี่)
ใจความสำคัญสำหรับผมคือ 2014 เป็นปีที่แบ่งออกเป็นสองส่วน ฝั่งซ้ายของแม่นํ้าทำไวน์ได้ยอดเยี่ยม ในขณะที่ฝั่งขวาของแม่นํ้ามีไวน์ที่น่าชื่นชมอยู่หลายแห่ง แต่โดยรวมแล้วมีความไม่สมํ่าเสมอกันในภูมิภาค ราวกับว่าไวน์จากทั้งสองฝั่งไม่ใช่ปีเดียวกัน กรณีเช่นนี้เคยเกิดขึ้นแล้วในปี 1996 เมื่อฝั่งซ้ายดีกว่าฝั่งขวา หรือในปี 1998 เมื่อฝั่งขวาดีกว่าฝั่งซ้าย
ในปี 2014 ฝั่งซ้ายโดยเฉพาะทางเหนือของ Médoc เช่น St. Julien, Pauillac และ St. Estèphe ผลิตไวน์ยอดเยี่ยมคล้ายกับปี 1996 แต่เปี่ยมด้วยผลไม้และมีความแม่นยำตามความนิยมใหม่ ไวน์ปี 2014 จากภูมิภาคนี้น่าจับตามองมาก ยกเว้นเพียงบางพื้นที่
ผมเขียนบทความในบล็อกสองครั้ง ครั้งหนึ่งเกี่ยวกับความประทับแรกใจในปีการผลิตไวน์นี้ และอีกครั้งหนึ่งเกี่ยวกับความน่าสนใจของริมแม่นํ้าฝั่งขวา อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดฝั่งซ้ายของแม่นํ้าและ Pessac-Leognan เป็นพื้นที่สร้างความโดดเด่นแก่ปี 2014 เนื่องจากทนต่อสภาพอากาศที่เปียกแฉะอย่างยิ่งในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม และรับสภาวะที่เป็นใจในเดือนกันยายนและตุลาคม โดยมีความอบอุ่นและแสงแดดแทบทุกวัน
ไวน์จากฝั่งขวาของแม่นํ้ามีคุณภาพที่ไม่สม่ำเสมอนัก ยกเว้นไร่องุ่นชั้นนำบริเวณพื้นที่เนินดินเหนียวใน Pomerol เช่น Lafleur, Pétrus และ Vieux Château Certan รวมถึงพื้นเนินดินหินปูนใกล้กับไร่ Ausone, Canon, Angélus, Trottevielle, Troplong Mondot และ L’If ดินหินปูนยังช่วยเสริมพื้นที่ผลิตไวน์ในระดับรองลงมา เช่น Castillon Côtes de Bordeaux ที่ต้องประสบกับฤดูการเติบโตที่ไม่เอื้ออำนวย
นอกจากนี้ ไวน์จากไร่บางแห่งขาดความน่าสนใจไปเนื่องการหมักและกลั่นที่มากเกินไป โดยเฉพาะเมื่อหมักในถังขนาดไม่ใหญ่นัก จุดด้อยในช่วงต้นนี้อาจดีขึ้นในขั้นตอนการบ่ม และสิ่งที่น่าสนใจคือการรอดูว่าไวน์จะมีรสชาติอย่างไรเมื่อบรรจุขวดในปี 2017
ไวน์ขาวและไวน์หวานยอดเยี่ยมสำหรับปีนี้ เป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้เห็น 2014 รวมไว้ในกลุ่มไวน์ที่น่าชื่นชม เพิ่มเติมจากปี 2011, 2010, 2009, 2005, 2003 และ 2001 ได้เวลาสำรวจความยิ่งใหญ่ของไวน์ขาวจากบอร์โดซ์ ที่แข่งได้หรือแม้กระทั้งดีกว่าไวน์ชั้นเยี่ยมจากเบอร์กันดี และไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการเกิดออกซิเดชันด้วย
โปรดอย่าลืมว่าผมให้คะแนนไว้เป็นช่วง และไม่ใช่คะแนนขั้นสุดท้าย คะแนนนี้ได้จากการชิมไวน์ที่ยังบ่มไม่เสร็จจากไร่องุ่นประมาณ 700 แห่ง ซึ่งหมายความว่าไวน์ยังอ่อนอยู่และมีการเปลี่ยนแปลงได้อีก จึงควรใช้ข้อมูลนี้เพื่อเป็นองค์ประกอบในการบ่งบอกถึงคุณภาพขั้นสุดท้ายเท่านั้น
ณ จุดนี้ไม่มีประโยชน์มากนักที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับราคาไวน์ปี 2014 หรือผู้บริโภคควรซื้อไวน์ “en primeur” ที่ยังบ่มไม่เสร็จหรือไม่ ตลาดไวน์จะเป็นปัจจัยกำหนดแนวโน้มในที่สุด แน่นอนว่าไร่องุ่นชั้นนำในบอร์โดซ์คงต้องระวังเกี่ยวกับการกำหนดราคา หากราคาสูงกว่าปี 2013 ก็จะเป็นการประชาสัมพันธ์ที่ไม่ดี และการประชาสัมพันธ์ที่ไม่ดีเป็นสิ่งสุดท้ายที่ควรเกิดขึ้นกับตลาดบอร์โดซ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา ฮ่องกง และจีน ซึ่งตอนนี้สกุลเงินแข็งค่าขึ้นเทียบกับเงินยูโร และผู้ซื้อต้องการปี 2014 หลังจากที่ไม่มีโอกาสได้ซื้อมากนักในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับบอร์โดซ์ 2014
*ริมแม่นํ้าฝั่งซ้าย พื้นที่ดีสุดทางตอนเหนือของ Medoc คือ St. Julien, Pauillac, St. Estephe
*ไวน์จากองุ่นพันธุ์กาแบร์เนต์ โดยเฉพาะกาแบร์เนต์-โซวีญง รวมถึงกาแบร์เนต์ฟร็อง
*Pessac Leognan ดีทั้งไวน์ขาวและไวน์แดง
*ไวน์ยอดเยี่ยมจากแม่นํ้าฝั่งขวามีอยู่จำนวนหนึ่ง คือเฉพาะไร่องุ่นอันดับต้น ๆ
*ไวน์ขาวดีมากทั้งแบบหวานและไม่หวาน ไร่องุ่นชั้นนำคงความน่าสนใจไว้เช่นเคย
(อ่านบล็อกนี้ได้ในภาษาอังกฤษ จีน และไทย ผ่านสื่อต่าง ๆ ของ JamesSuckling.com ซึ่งมีผู้เข้าชมกว่า 3.3 ล้านคนรวมทั้งผู้อ่านของ Asia Tatler และผู้ติดตาม YesMyWine.com)
